Dirty Facts About Sbothai Revealed
ข่าวแมนยูรายงานว่า sbothai แหล่งรวมเว็บการพนันที่คอบอลนิยมที่สุดที่thsbo333.comและข่าวที่ว่า
กลายเป็น "ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์" สะเทือนวงการกีฬาในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจาก มนตรี ไชยพันธุ์ ผู้คร่ำหวอดในวงการกีฬามากว่าครึ่งชีวิตตัดสินใจยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง
"รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.)" ไปเมื่อวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา มนตรี ไชยพันธุ์ ที่เปรียบเสมือนมันสมองของวงการกีฬาไทยกำลังจะกลายเป็นตำนานของ "ค่ายหัวหมาก"
หลังจากวันที่ 16 สิงหาคม 2558 อันจะเป็นวันสุดท้ายของการทำงานในองค์กรใหญ่ในวงการกีฬาอย่าง การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) การโบกมือลาของ มนตรี ไชยพันธุ์ ที่ขึ้นมาดำรงตำแหน่ง
"รองผู้ว่าการ กกท." ตั้งแต่อายุ 41 ปีจนถึง 56 ปีมีเหตุผลตามใบลาออกที่เขียนด้วยลายมือของตัวเขาเองระบุคือ ต้องการออกไปประกอบอาชีพส่วนตัว แต่นั่นคงไม่ใช่สาเหตุเบื้องลึกจริงๆ
ที่ทำให้คนที่รักวงการกีฬา ทุ่มเททุกอย่างเพื่อวงการกีฬาจำใจต้องหันหลังให้กับอาชีพที่ตัวเองรักมาตลอด
เพราะเหตุผลที่แท้จริงทราบกันดีทั่ววงการว่าเกิดจากการอกหักพลาดตำแหน่งใหญ่ "ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย" ในกระบวนการสรรหาครั้งล่าสุดที่กลายเป็นเพื่อนซี้ เพื่อนเรียน
เพื่อนเที่ยวอย่าง สกล วรรณพงษ์ ขึ้นมาเป็นนายใหญ่คุมค่ายหัวหมายอย่างเช่นทุกวันนี้ มนตรี ไชยพันธุ์ เริ่มทำงานใน กกท. ตั้งแต่ปี พ.ศ.2527 ก่อนจะไต่เต้าขึ้นมาเรื่อยๆ
จนได้รับตำแหน่งรองผู้ว่าการ กกท. ฝ่ายบริหาร ในปี พ.ศ.2543 ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเกือบ 15 ปี ได้ทำผลงานให้กับวงการกีฬาไทยหลายสิ่ง อาทิ ร่วมจัดทำโครงการศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติ อ.มวกเหล็ก,
การจัดทำแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ รวมไปถึงงานชิ้นใหญ่ที่สุดคือ กรรมาธิการและเลขาฯ พิจารณาร่าง พ.ร.บ. กกท. พ.ศ.2558 หลังการตัดสินใจช็อกวงการกีฬาของ มนตรี ไชยพันธุ์ แผนกข่าวกีฬา "มติชน"
บุกไปจับเข่าคุยเพื่อสะท้อนทรรศนะความคิดเห็น ข้อเสนอด้านบวกต่อวงการกีฬาอันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาวงการกีฬาของไทยต่อไปในอนาคต "วงการกีฬาไทยตอนนี้ ก็ดำเนินไปได้แบบไทยๆ
ไม่ว่าจะเอารูปแบบการบริหาร การจัดการ ระบบ หรือเครื่องไม้เครื่องมือใดๆ เข้ามา ก็หนีไม่พ้นบริบทแบบไทยๆ บางเรื่องสามารถทำได้ บางเรื่องก็ทำไม่ได้ ดังนั้น
มันจึงเจริญก้าวหน้าไปอย่างไทยๆ" รองมนตรีเปิดฉากอย่างเข้มข้น มนตรี บอกว่า การดูสมาคมกีฬาต่างๆ ไม่ใช่ว่าดูที่ชื่อสมาคมจะบอกว่าเป็นสมาคมที่ดี
เพราะต้องดูที่ผู้บริหารในช่วงนั้นๆ อย่าง วอลเลย์บอล, sbothai เทควันโด หรือ ยกน้ำหนัก ที่นายกสมาคมสานงานต่อกันมา ทำให้ผลงานอยู่ในลำดับต้นๆ
ซึ่งถ้าหากเปลี่ยนคนอาจจะไม่เป็นแบบนี้ก็เป็นได้ เพราะการบริหารในแบบไทยๆ ไม่ได้เน้นในเชิงระบบ แต่ว่าเน้นในตัวบุคคลมากกว่า ถึงแม้ว่าจะเปิดตำรา นำวิธีการของต่างชาติมาก็ตามที
ถ้าหากทำเช่นนั้นได้ ไทยที่นำเอาวิธีการของญี่ปุ่นมา ก็คงได้ไปฟุตบอลโลกแล้ว หรือบางประเทศบอกว่าต้องนำคนรุ่นใหม่มาทำงาน แต่ของไทยยังทำไม่ได้ เพราะไทยมีผู้อาวุโสที่มีความรู้
ความสามารถ นั่นแหละคือหนึ่งในการยอมรับแบบไทยๆ ดังนั้น จะนำเอาความคิด แนวคิดของคนอื่นมาใช้ก็คงจะทำไม่ได้ สิ่งที่สำคัญที่สุด ไม่ว่าจะใช้รูปแบบโมเดลใด
ความชัดเจนในการทำหน้าที่ของแต่ละฝ่ายที่เป็นจิ๊กซอว์ต้องมี ต้องเคลียร์กันในการแบ่งหน้าที่ สมาคมกีฬามีหน้าที่อะไร, sbothai กกท. ต้องทำอะไร และคณะกรรมการโอลิมปิคฯ จะทำอะไร
ซึ่งเสน่ห์อย่างหนึ่งของคนไทยคือการคุยกัน และเข้าใจกันได้ดี ซึ่งที่ผ่านมาอาจจะไม่เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็สามารถทำให้กีฬาเดินหน้าไปได้
เมื่อถามถึงจุดเด่นของวงการกีฬาเมืองไทย ผู้ที่ถือเป็นมันสมองของกีฬาไทยมายาวนาน 15 ปีเต็มอย่าง มนตรี ไชยพันธุ์ วิเคราะห์ว่า คิดว่าอยู่ที่มุมมองของแต่ละบุคคลว่าจะมองในจุดใด
อย่างที่ในช่วงนี้มีการบูมขึ้นมาของบางชนิดกีฬาอย่าง ฟุตบอล หรือวอลเลย์บอล แต่ก็ไม่ได้บอกว่าการวัดความสัมฤทธิ์ทางด้านกีฬา อยู่ที่จุดใด บางครั้งคนเถียงกันแทบตาย
แต่กลับเป็นการมองกันคนละเรื่อง บางคนบอกเหรียญทองคือ ผลสัมฤทธิ์ จริงๆ ไม่ใช่ เพราะบางเหรียญที่ได้ คู่แข่งสะดุดตัวเองล้มก็มี บางคนบอกไม่ได้เหรียญ ไม่เห็นสัมฤทธิผลเลย
แต่ว่าคนนั้นกลับทำลายสถิติ มีการพัฒนา ซึ่งสำหรับความคิดเห็นส่วนตัววางเป้าไว้ที่การคว้าเหรียญทองในโอลิมปิกเกมส์ ดังนั้น ก็ต้องนับว่าตอนนี้ยังไม่ถึงจุดหมาย
ส่วนจุดอ่อนของกีฬาเมืองไทย "รองมนตรี" วิเคราะห์ไว้อย่างน่าฟังว่า อยู่ที่เรื่องของสปิริต และความรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นตัวนักกีฬาเองหรือแม้กระทั่งผู้บริหาร
ไม่ได้เจาะจงว่าจะต้องเป็นสมาคมไหน แต่ทุกสมาคมควรจะรู้ตัวเอง และประเมินตัวเองอยู่ตลอดเวลา บางครั้งรู้ตัวว่าทำได้ไม่ดี อยู่แล้วถอยหลังลงคลอง
ก็ควรจะต้องถอยออกมาให้คนที่พร้อมมากกว่าเป็นคนทำ อยากให้มองการทำงานของต่างประเทศดู เมื่อทำผิดพลาด ก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองทำ และลาออกทันที
ในขณะที่ของไทยก็ยังคงนั่งทำงานต่อไป สิ่งที่คนอย่าง มนตรี ไชยพันธุ์ อยากเห็นที่สุดหลังจากโบกมือลาวงการกีฬาคือ อยากเห็นการกระจาย โอกาสไปยังต่างจังหวัด
เพราะว่าการกระจายโอกาสไปยังต่างจังหวัด จะเป็นการเสริมกีฬาในแบบที่ครบทั้ง 4 มิติ คือพื้นฐาน, sbothai มวลชน เป็นเลิศ และอาชีพ ไม่เพียงแค่นั้นจะต้องทำให้ยั่งยืนอีก
เพื่อที่กีฬาไทยจะสามารถเดินหน้าได้ต่อไปอีกนานเท่านาน นี่เป็นแนวคิด บทวิเคราะห์ตรงไปตรงมาเชิงสร้างสรรค์จากใจคนดีมีฝือมือสูงอย่าง มนตรี ไชยพันธุ์
ที่คนกีฬาต้องสำเหนียกกันไว้มากๆ... มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 9 สิงหาคม 2558